• Welcome to ชมรมนิติกรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น:เว็บไซท์อันดับ๑ของวงการท้องถิ่น.
Main Menu

แจ้งความปลัด อบต. เรื่องมีอยู่ว่า เช้าวันหนึ่งพนักงานอบต.แต่งตัวสวมเสื้อเชิตสีขาวแขนยาว กางเกงสีดำน

เริ่มโดย admin, 15-06-2018, 07:09:55

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

admin





แจ้งความปลัด อบต.

เรื่องมีอยู่ว่า เช้าวันหนึ่งพนักงานอบต.แต่งตัวสวมเสื้อเชิตสีขาวแขนยาว กางเกงสีดำนุ่งทับเรียบร้อยและใส่รองเท้าหนัง (แบบที่นักกฎหมายแต่งกัน) ระหว่างเดินเข้ามาเซ็นต์ชื่อทำงาน ปลัดซึ่งอยู่บริเวณนั้น ก็ได้กล่าวกับพนักงานคนดังกล่าวต่อหน้าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ว่า "เก่ง (นามสมมุติ) แต่งตัวไว้ทุกข์ให้กับตัวเองหรือไง" โดยที่พนักงานอบต. คนดังกล่าวไม่ได้กล่าวตอบโต้ หรือแสดงกิริยาใดๆ เมื่อเซนต์ชื่อเสร็จก็เดินออกไปตามปกติ
รบกวนขอสอบถามเพื่อนๆนิติกรเพื่อเป็นข้อคิดเห็นในการพิจารณาดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต่อไปว่า พฤติการณ์ดังกล่าว ถ้าท่านเป็นพนักงานที่เข้ามาเซ็นต์ชื่อ ท่านจะแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับการกระทำของปลัดหรือไม่ เพราะเป็นการดูหมิ่น ดูถูก เหยียดหยาม ไม่ให้เกียรติ พนักงาน หรือหากท่านมีข้อเสนอเนะอื่นก็ช่วยแนะนำด้วย ขอบคุณครับ

นิติกร 101.109.176.* [ วันพุธ ที่ 10 สิงหาคม 2559 เวลา 14:55 น. ]

การพูดเพียงเท่านี้เป็นการดูหมิ่น ดูถูก หรือเหยียดหยามแล้วหรือ
โดยคุณ นิติกรgan 1.179.170.* [ วันพฤหัสบดี ที่ 11 สิงหาคม 2559 เวลา 09:53 น. ] ผู้ตอบคนที่ 1
[ ลบคำตอบที่ 1 ]

พูดเพียงแค่นี้ ยังไม่ถือว่าดูหมิ่นเหยียบหยามหรอก ดูที่เจตนา เขาอาจจะไม่ได้มีเจตนาก็ได้
คิดมากไปหรือเปล่า อะไรนิดอะไรหน่อยไม่ได้
โดยคุณ on 14.207.60.* [ วันพฤหัสบดี ที่ 11 สิงหาคม 2559 เวลา 10:32 น. ] ผู้ตอบคนที่ 2
[ ลบคำตอบที่ 2 ]



มาตรา 397 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัลหรือเป็นการกระทำอันมีลักษณะส่อไปในทางที่จะล่วงเกินทางเพศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคสองเป็นการกระทำโดยอาศัยเหตุที่ผู้กระทำมีอำนาจเหนือผู้ถูกกระทำอันเนื่องจากความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา นายจ้าง หรือผู้มีอำนาจเหนือประการอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
โดยคุณ นิ๋ง 1.4.231.* [ วันศุกร์ ที่ 12 สิงหาคม 2559 เวลา 09:20 น. ] ผู้ตอบคนที่ 3
[ ลบคำตอบที่ 3 ]





หากกลับกัน ปลัด ชื่อ เก่ง และโดนถามว่า

" ป เก่ง (นามสมมุติ) แต่งตัวไว้ทุกข์ให้กับตัวเองหรือไง"

ผลคือ
โดยคุณ นิ๋ง 1.4.235.* [ วันอาทิตย์ ที่ 14 สิงหาคม 2559 เวลา 10:04 น. ] ผู้ตอบคนที่ 4
[ ลบคำตอบที่ 4 ]

ต้องขอขอบคุณ คุณนิ๋ง ที่ช่วยกรุณานำข้อกฎหมายมาชี้แนะ และเป็นคำตอบเป็นประโยชน์มากครับ
การแสดงความคิดเห็นใดๆ ของนักกฎหมาย ถ้าอยู่บนพื้นฐานของข้อกฎหมายเช่นคุณนิ๋ง โดยไม่ได้ใช้ความรู้สึกส่วนตัวของเราเองลำพัง ปัญหาในบ้านเมืองคงลดลงไปเยอะ
โดยคุณ นิติกร 182.53.195.* [ วันจันทร์ ที่ 22 สิงหาคม 2559 เวลา 16:23 น. ] ผู้ตอบคนที่ 5
[ ลบคำตอบที่ 5 ]

ความผิดฐานนี้ มีทั้ง

ข่มเหง

รังแก

รำคาญ

คุกคาม

อับอาย

เพศ

อย่างใด อย่างหนึ่ง...


ก็เข้าฐานความผิด


และกรณีลหุโทษ ส่วนใหญ่ไม่ดูเจตนา ...


ไม่เหมือนความผิดในภาค 2

ต่างกันมาก...




แม้เป็นความผิดลหุโทษ แต่หากผู้เสียหายเอาเรื่อง (ถึงที่สุด)


โอกาส จำคุก ก็มีได้เสมอ....


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1908/2518

นายปรีชา โจทก์
ร้อยตำรวจโทสุทธี ที่ 1 นางสุนีย์ ที่ 2 จำเลย


ป.อ. มาตรา 1(3), 310, 397

จำเลยจอดรถขวางกั้นไม่ให้โจทก์ถอยรถออกไปจากซอยที่เกิดเหตุ เป็นเพียงขัดขวางไม่ให้โจทก์นำรถออกไปได้เท่านั้น ส่วนตัวโจทก์มีอิสระที่จะออกไปจากซอยได้ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 แต่เป็นการรังแกข่มเหงทำให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนรำคาญ แม้ซอยนั้นจะอยู่ในที่ดินของผู้มีชื่อซึ่งแบ่งให้ผู้อื่นเช่าปลูกบ้าน แต่ประชาชนก็ชอบที่จะเข้าออกไปติดต่อกับผู้ที่อยู่ในซอยนั้นได้ ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำในที่สาธารณสถาน จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397
________________________________
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์จอดขวางถนนซอยเป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถนำรถยนต์ออกไปจากซอยได้ เป็นการหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังโจทก์ให้ปราศจากเสรีภายในร่างกาย และเป็นการรังแกข่มเหงและก่อความเดือดร้อนรำคาญต่อโจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310, 397 และ 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้อง มีคำสั่งประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 ให้จำคุกจำเลยคนละ 15 วัน และปรับคนละ 500 บาท โทษจำคุกให้ยกเสีย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยจอดรถขวางกั้นไม่ให้โจทก์ถอยรถออกไปจากซอยที่เกิดเหตุนั้น โจทก์ไม่ได้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังหรือทำให้โจทก์ปราศจากเสรีภาพในร่างกายแต่อย่างใด โจทก์มีอิสระที่จะออกไปจากซอยนั้นได้ จำเลยเพียงแต่ขัดขวางไม่ให้โจทก์นำรถออกไปได้เท่านั้น การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 ดังโจทก์ฎีกา
ส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่า จำเลยไม่ทราบว่าโจทก์จะถอยรถออกไปจำเลยมิได้มีเจตนาจะปิดกั้นไม่ให้โจทก์เอารถออก ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่ยอมถอยรถให้โจทก์ออกเป็นการรังแกข่มเหงโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนรำคาญ แม้ซอยนั้นจะเป็นซอยในที่ดินของนางสวรรค์ สุวรรณเนตร ซึ่งแบ่งให้ผู้อื่นเช่าปลูกบ้านอยู่อาศัย แต่ประชาชนก็ชอบที่จะเข้าออกไปติดต่อกับผู้ที่อยู่ในที่ดินในซอยนั้นได้ ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยได้กระทำในที่สาธารณสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397
พิพากษายืน

( พิชัย รชตะนันทน์ - ชุ่ม สุนทรธัย - อุดม ทันด่วน ) หมายเหตุ
โดยคุณ นิ๋ง 1.4.230.* [ วันอังคาร ที่ 23 สิงหาคม 2559 เวลา 10:58 น. ] ผู้ตอบคนที่ 6
[ ลบคำตอบที่ 6 ]
อยากให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา

วางลงบ้างเถอะนะหัวโขนน่ะ

ชั่งหัวมันบ้างจะเป็นไร  ถ้าไม่คิดว่าเขาดูหมิ่นก็ไม่เดือดร้อนใจ ไม่เปลืองสมองตัวเองด้วย ถ้าเป็นผม ผมจะเฉยๆ เพราะผมก็แต่งตัวมาดีแล้ว ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าขาดๆ หรือแต่งตัวไปในทางที่แสดงถึงการไม่เคารพสถานที่ทำงาน..อีกอย่างถ้า ณ เวลานั้น มีบุคคลอื่นอยู่มากและได้ยิน  ผมคิดว่าบุคคลอื่นเค้าคงคิดได้เองว่า ใครกันแน่ที่มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมกันแน่