• Welcome to ชมรมนิติกรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น:เว็บไซท์อันดับ๑ของวงการท้องถิ่น.
Main Menu

แจ้งจับนายก อบต.โหด บีบคอข้าราชการสาว เหตุไม่ตรวจรับงานสร้างถนน งบกว่าล้านบาท

เริ่มโดย admin, 14-09-2020, 07:52:35

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

admin

แจ้งจับนายก อบต.โหด บีบคอข้าราชการสาว เหตุไม่ตรวจรับงานสร้างถนน งบกว่าล้านบาท



เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ น.ส.นันทวดี อรรคบุตร อายุ 39 ปี อาชีพรับราชการ ตำแหน่งนักพัฒนาชุมชนชำนาญการ กองสวัสดิการสังคม อบต.แห่งหนึ่งในเขต อ.ราษีไศล เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วย พ.ต.ท.วิจิตร โพธิ์สิทธิพันธุ์ ทนายความชื่อดังของ จ.ศรีสะเกษ ได้พยุงร่างที่ฟกช้ำไปทั้งตัว ขาข้างขวาเข้าเฝือกที่บริเวณข้อเท้า เข้าไปพบกับ ร.ต.อ.ปรีชา นาคาแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.ราษีไศล เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญากับ นายก อบต.แห่งหนึ่ง ซึ่งได้ทำร้ายร่างกาย น.ส.นันทวดี ทำให้ได้รับบาดเจ็บตามร่างกายหลายแห่ง บริเวณลำคอด้านซ้ายมีรอยขูด ซึ่ง ร.ต.อ.ปรีชา ได้รับแจ้งความดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายไว้แล้ว



น.ส.นันทวดี อรรคบุตร อายุ 39 ปี ข้าราชการสาวที่เคราะห์ร้าย ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ของวันที่ 10 ก.ย.63 ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางกลับมาจากธนาคารแห่งหนึ่งของ อ.ราษีไศล เพื่อไปเบิกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ นำเอามาจ่ายให้กับผู้สูงอายุในเขตพื้นที่รับผิดชอบ พอกลับมาถึงสำนักงาน กำลังเดินจะขึ้นบันไดสำนักงาน ได้พบ นายก อบต.กำลังเดินขึ้นบันไดอยู่ด้านหน้าของตน แต่พอ นายก อบต.หันมามองเห็นตนที่กำลังเดินขึ้นบันไดมา นายก อบต.ได้เดินเข้ามาหาและพูดว่า “มึงจะเอาอะไรกับกู” และได้เข้ามาใช้มือทั้ง 2 ข้าง และมีมือข้างหนึ่งถือกุญแจพวงใหญ่อยู่ บีบคอของตนอย่างแรง จากนั้นได้ลากเอาร่างของตนลงมาจากบันได แล้วผลักทุ่มตนให้ล้มลงกับพื้นที่ทางเดินก่อนขึ้นบันได้อย่างแรง โดยมีเจ้าหน้าที่ของ อบต.หลายคนแห่งเหตุการณ์ ซึ่งขณะที่ตนล้มลงกองอยู่กับพื้น นายก อบต.จะเข้ามาทำร้ายตนอีก แต่ว่ามี ผอ.กองคลัง และเจ้าหน้าที่ชายหลายคนเข้ามาห้าม และได้ดึงเอาตัวของนายก อบต.ออกไป



น.ส.นันทวดี กล่าวว่า จากนั้นมีเพื่อนเจ้าหน้าที่หลายคนมาพยุงร่างของตนขึ้นจากพื้นที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณลำคอ หัวเข่าทั้ง 2 ข้าง และบริเวณเท้าขวาออกไปจากที่เกิดเหตุ จากนั้น ปลัด อบต.ได้เข้ามาดูอาการของตน และบอกว่าให้ตนกลับไปที่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 15 กม.เนื่องจากเกรงว่าอาจจะโดนนายก อบต.ทำร้ายอีก เพื่อนที่ทำงานด้วยกันจึงได้ขับรถของตนนำตนไปส่งที่บ้าน ต่อมาวันที่ 11 ก.ย.63 ตนได้ไปพบแพทย์ที่ รพ.ราษีไศล เพื่อให้แพทย์รักษาอาการบาดเจ็บตามร่างกาย ซึ่งแพทย์ตรวจพบว่ามีรอยครูดด้วยของแข็งที่บริเวณลำคอด้านซ้าย หัวเข่าทั้ง 2 ข้างมีรอยช้ำ บริเวณต้นแขนเป็นรอยเขียวช้ำ และที่บริเวณนิ้วเท้านิ้วก้อยกระดูกร้าว แพทย์ได้ใส่เฝือกเอาไว้ โดยแพทย์แจ้งว่าจะต้องใส่เฝือกเอาไว้อย่างน้อย 7 วัน จนกว่าอาการจะดีขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ตนได้รับบาดเจ็บ และมีความอับอายต่อเพื่อนข้าราชการทุกคนที่พบเห็นเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก



น.ส.นันทวดี ยังกล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ตนถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมนี้ คาดว่าเกิดจากการที่ตนไม่ยอมลงนามตรวจรับงานจ้างเหมาทำถนนสายบ้านครั่งไปยังบ้านกระเดา หมู่ 7 ระยะทาง 800 เมตร งบประมาณในการก่อสร้าง 1,100,000 บาท ซึ่งครบกำหนดแล้วเสร็จตั้งแต่เดือน มิ.ย.63 แต่ว่าตนซึ่งเป็นประธานตรวจรับงานก่อสร้างกับกรรมการทั้ง 3 คน ไม่ยอมลงนามตรวจรับงาน เนื่องจากตรวจพบว่าการก่อสร้างถนนไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการตามสัญญา เช่น เหล็กและหินไม่เป็นไปตามแบบ ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการร้องเรียนไปยัง สตง.จ.ศรีสะเกษ ปปช.จ.ศรีสะเกษ ปปท.ภาค 3 กอ.รมน.ศรีสะเกษ ให้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และพบว่าผิดจริง อีกทั้งกรมทางหลวงก็ได้มาตรวจสอบโดยการเจาะถนน เพื่อเอาลูกปูนไปตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการ ทำให้ส่วนราชการข้างต้นมีการดำเนินการตรวจสอบการทุจริตดังกล่าวตามกฎหมาย ซึ่งการที่ตนถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมครั้งนี้ ตนยืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด



พ.ต.ท.วิจิตร โพธิ์สิทธิพันธุ์ ทนายความชื่อดังของ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า จากการที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้ว ตนเชื่อว่าเหตุที่ น.ส.นันทวดี ลูกความของตนถูกทำร้ายครั้งนี้ต้องมีสาเหตุมาจากการทุจริตการก่อสร้างถนน งบประมาณ 1 ล้านบาทเศษอย่างแน่นอน เพราะว่าจากการที่ตนได้สอบถามข้อมูลจาก น.ส.นันทวดีแล้ว ไม่พบสาเหตุโกรธเคืองอื่นใด นอกจากเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น ซึ่งจะต้องดำเนินคดีอาญากับ นายก อบต.คนนี้จนถึงที่สุด



ร.ต.อ.ปรีชา นาคาแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.ราษีไศล กล่าวว่า คดีนี้ตนได้รับแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้แล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไป ตนจะได้ทำการส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่ รพ.ราษีไศล เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรบาดแผล จากนั้นจะได้เชิญพยานที่เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำและจะได้รวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่ถูกกล่าวหาต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ตนได้รายงานให้ พ.ต.อ.ฉัตรพัฒน์ แก้วจันดี ผกก.สภ.ราษีไศล ได้รับทราบแล้ว และได้สั่งการว่าให้ตนรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายตามกฎหมายอย่างเต็มที่ต่อไป


อยากให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา