[นายพรนรินทร์ ภูครองหิน]

นิติกรพรขอนำเรียนกรณีศึกษาการบรรพชาเป็นสามเณรหรือการบวชในขณะเป็นสมาชิกสภา  อบต. เป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 34 (2) แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 และต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตามมาตรา 45 (3) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว และ การบวชเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามไม่ให้เป็นผู้มีสิทธิ สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา  อบต.ตามมาตรา 47 ทวิ (3) แห่งพระราชบัญญัติ สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล  พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นผลให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภา  อบต.สิ้นสุดลงตามมาตรา 47  ตรี วรรคหนึ่ง (7)  ตามกฎหมายดังกล่าว  ดังนั้น การที่นายอำเภอมีคำสั่งให้พ้นสมาชิกภาพของสมาชิกสภา อบต.สิ้นสุดลง จึงชอบด้วยกฎหมาย แล้ว (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด อ. 459/2562) 
กรณีที่สองการบวชเป็นพระภิกษุสามเณรในขณะดำรงตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นการบวชโดยมีเจตนาที่จะปล่อยวาง วิถีชีวิตของฆราวาสหรือบวชหน้าไฟเพียงช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่งหรือช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ย่อมถือเป็นลักษณะต้องห้ามที่ทำให้เป็นผู้ขาดคุณสมบัติตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น จึงทำให้สมาชิกภาพต้องสิ้นสุดลง กล่าวคือ กรณีดังกล่าว ถ้าหากสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นบวชตามโครงการเพื่อเป็นพระราชกุศลในโอกาสต่าง ๆ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอได้อนุมัติให้นายกเทศมนตรีหรือนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหรือนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแล้วแต่กรณีถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบแล้ว ไม่ถือว่าเป็นการบวชแต่อย่างใด (ค้นโดยนิติกรพร อ.1202/2558)
http://www.admincourt.go.th/admincourt/upload/admcase/Document/judgement/PDF/2551/01012-510899-1F-581008-0000572313.pdf