ชมรมนิติกรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น:เว็บไซท์อันดับ๑ของวงการท้องถิ่น

เกี่ยวกับการทำงานที่น่าสนใจ => กระดานความรู้จากนิติกรพร (นายพรนรินทร์ ภูครองหิน) => หัวข้อที่ตั้งโดย: นายพรนรินทร์ ภูครองหิน เมื่อ 24-09-2020, 07:54:17

ชื่อ: การที่นายกเทศมนตรีเรียกรับเงินการต่อสัญญาจ้างกับพนักงานจ้างผิดอาญา มาตรา 149
โดย: นายพรนรินทร์ ภูครองหิน เมื่อ 24-09-2020, 07:54:17
(https://scontent.fkkc1-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/120013541_4431319710272509_5341150475535751339_n.jpg?_nc_cat=108&_nc_sid=b9115d&_nc_eui2=AeH5n42NVJ-jWxnS8rwngBnqLosHupGGh2Muiwe6kYaHYzy2VWVOj8n80MMai4QLyaOHH_RkQwqMqADW5EcTZpTn&_nc_ohc=tYEGroyHzSEAX8Pzgp0&_nc_ht=scontent.fkkc1-1.fna&oh=2ba34217d6ec6b75067fcbc5b2bc63d9&oe=5F92D197)

(https://scontent.fkkc1-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/120011930_4431319703605843_601958838162240238_n.jpg?_nc_cat=106&_nc_sid=b9115d&_nc_eui2=AeHZQLKjXRQtA9X5McnpOhc93ehcpttaSubd6Fym21pK5mWY3WBKP5tytnsWwB4QtMOT25PruUIG0T3qimb35BV1&_nc_ohc=cOgeQi4L98oAX_ES3s0&_nc_oc=AQmt2XefopW3ReQCVvbyQV_AePOuFwAulF5Be-IPXC-nC-zteWZcmW45WbWoXfrexKE&_nc_ht=scontent.fkkc1-1.fna&oh=2ba7821c1cc762c4cdf47f1965423c2f&oe=5F905F9D)

นิติกรพรขอนำเรียนกรณีศึกษา การที่นายกเทศมนตรีเรียกรับเงินการต่อสัญญาจ้างกับพนักงานจ้าง จากคำให้การพยานโจทก์ทุกปากตามที่พนักงานไต่สวนทำการไต่สวนมา ให้การในข้อเท็จริงสอดคล้องต้องกันว่า จำเลยเป็นผู้พูดเรียกเงินเป็นค่าตอบแทนในการต่อสัญญาจ้างและผู้เสียหายแต่ละคนมอบเงินตามที่จำเลยเรียกร้องแก่จำเลยด้วยตนเอง นอกจากนี้ นาย ส. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากจำเลยให้ดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี ตำบล บ. และไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยได้ให้การสอดคล้องกับพวกผู้เสียหาย ประกอบกับพยานทุกปากให้การพยานทุกปากตามที่พนักงานไต่สวนทำการไต่สวนมาแล้วแต่เป็นข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างใต้บังคับบัญชาของจำเลยและไม่ปรากฏว่ามีสาเหตุโกรธเคืองจำเลยถึงขนาดต้องร่วมกันแต่งเรื่องเท็จขึ้นเพื่อกลั่นแกล้ง ใส่ไคล้ปรักปรำจำเลยให้ต้องรับโทษ คำให้การของผู้เสียหายจึงมีน้ำหนัก  นอกจากนี้ จำเลยได้ชี้แจงในชั้นพนักงานไต่สวนและในชั้นพิจารณาว่า ในการต่อสัญญาจ้างจำเลยไม่ได้ให้พนักงานจ้างมาพบและเรียกรับเงินเป็นค่าต่อสัญญา จำเลยทำการต่อสัญญาไปตามระเบียบราชการ โดยมีบันทึกข้อความเทศบาลตำบลบ้านด่านโขงเจียม ลงวันที่ 28 มีนาคม 2556 เรื่อง ชี้แจงความจริง และมีข้อความรับรองว่าจำเลยไม่มีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวหาแต่เป็นการถูกให้ร้าย และมีพยานลงลายมือชื่อไว้ท้ายหนังสือ แต่พยานดังกล่าวกลับให้การต่อพนักงานสอบสวนในทางเดียวกันว่า นาย อ. เป็นผู้เขียนบันทึกข้อความดังกล่าวขึ้นมาตามตัวอย่างที่จำเลยร่างเอกสารไว้ให้เขียนตาม และจำเลยบอกว่าถ้าหากลงชื่อในบันทึกแล้วจะพิจารณาในการต่อสัญญาจ้างให้ พยานกลัวจำเลยจะไม่ต่อสัญญาจึงลงลายมือชื่อทั้งที่ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง พยานฝ่ายจำเลยดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักสนับสนุนข้ออ้างของจำเลย  ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า สัญญาจ้างพนักงานทุกฉบับทำการต่อสัญญาในวันที่ 1 ตุลาคม 2553 โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยเรียกเงินจากพนักงานในวันที่ 20 ถึง 30 กันยายน 2553 แต่ต่อมาวันที่ 7 ถึง 8 ตุลาคม 2553 ผู้เสียหายทั้งหมดนำเงินมามอบให้จำเลย ไม่สมเหตุสมผล เพราะจำเลยได้ต่อสัญญาจ้างให้แล้วในวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ไม่มีเหตุผลที่บุคคลเหล่านั้นจะนำเงินมอบให้แก่จำเลยภายหลังจากการที่ได้ทำการต่อสัญญาแล้ว และโจทก์ก็ไม่มีหลักฐานว่าจำเลยได้รับเงินไว้นั้น เห็นว่า แม้สัญญาจ้างจะระบุว่าวันที่ 1 ตุลาคม 2553 หากจำเลยยังคงเก็บสัญญาไว้ก็ย่อมเขียนข้อความในส่วนของจำเลยในโอกาสใดก็ได้มิใช่เฉพาะวันที่ระบุในเอกสาร ซึ่งจำเลยมิได้นำสืบแสดงให้เห็นว่าจำเลยได้มอบสัญญาจ้างดังกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปแล้วหรือไม่ ข้ออ้างของจำเลยเกี่ยวกับวันที่ปรากฏในสัญญาจ้างจึงไม่ทำให้ข้อนำสืบของโจทก์มีพิรุธแต่อย่างใด  และการที่จำเลยอ้างว่าพยานโจทก์ และ นาย บ. เข้าไปในห้องทำงานของจำเลยด้วยเช่นกัน แต่กลับไม่เคยให้การว่าจำเลยได้เรียกรับเงินย่อมแสดงว่าพยานโจทก์ให้การขัดแย้งกันนั้น เห็นว่า นาย บ. ให้การว่าพยานได้ออกจากห้องทำงานของจำเลยก่อนคนอื่น ซึ่งเห็นได้ว่าพยานอาจไม่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องการเรียกรับเงินเพื่อต่อสัญญาจ้างก็เป็นได้  ส่วนเรื่องการหักเงินโบนัสนั้น แม้นางสาว ส. และนาย น. จะเบิกความเป็นประโยชน์ต่อจำเลย แต่พยานทั้งสองมิได้ให้ถ้อยคำต่อพนักงานไต่สวนหรือคณะกรรมการการสอบสวนข้อเท็จจริงอำเภอโขงเจียมมาก่อน อาจปรุงแต่งเรื่องราวขึ้นในชั้นศาลได้ คำเบิกความของพยานดังกล่าว จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ จำเลยไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดนอกจากนี้มาแสดง พยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบมาไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ คดีรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับเงินเป็นค่าตอบแทนในการอนุมัติต่อสัญญาจ้างดังกล่าวโดยมิชอบ จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 "คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คดีหมายเลขดำ อท. 257/2560 คดีหมายเลขแดง 6638/2561"(ค้นโดยนิติกรพร)